St. Martin เมืองเล็กๆ แต่ทว่าน่ารักในรัฐ Rheinland-Pfalz

Hallo! สวัสดีค่ะทุกๆ คน ประเดิมโพสแรกกันกับเมืองเล็กๆ เมืองนึงของเยอรมนีที่อยู่ในเขต รัฐ Rheinland-Pfalz ซึ่่งรัฐนี้มีเมืองหลักที่เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจหรือจะเรียกว่าเปรียบเสมือนเมืองหลวงของรัฐก็คือ เมือง Mainz ค่ะ แต่ว่าวันนี้ไม่ได้จะมาเล่าถึงเรื่องราวที่น่าประทับใจที่ Mainz นะคะ ก็ตามหัวข้อของโพสเลยค่ะ จะพาเพื่อนๆ ไปเยี่ยมเยือนเมืองเล็กๆ แต่ทว่าน่ารักที่ St. Martin กัน

ตอนแรกเลยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายว่าจะมาเที่ยวชมเมืองนี้เลยค่ะ จุดหมายที่แท้จริงคือ เมืองเพื่อนบ้านถุดไปของเมืองนี้ เพียงตั้งใจจะแวะหาของว่างทานคู่กับกาแฟแล้วก็กลับบ้าน เพราะว่าวันนี้ไปเดินป่าปีนเขามาแล้ว และตตอนนี้ก็หกดมงเย็นแล้วด้วย แต่ว่าชื่อของเมืองมันสะดุดหูสะดุดตา (เห็นจากป้ายบอกทางข้างถนน) เลยตัดสินใจว่า “เอาน่า…เราไม่ได้ผ่านมาแถวนี้บ่อยๆ คงจะหาโอกาสไม่ง่ายที่จะกลับมาที่นี่อีก แวะไปขับรถวนๆ เล่นๆ ดูสักหน่อยก็ไม่เสียหลาย” ไม่คิดเปล่าค่ะ ตกตลกับไกด์ส่วนตัวที่ทำหน้าที่คนขับรถให้ด้วย แล้วพวกเราก็ขับรถออกจากถนนสายหลักมาที่เมืองนี้เลย

พอหลังจากวนๆ หาที่จอดรถได้แล้วก้เดินเข้ามาในเมือง ตรงสามแยกแรกก็สะดุดตากับป้ายนี้เลยค่ะ เป็นป้ายบอกทางไปร้านไวน์ ร้านอาหารต่างๆ และที่พัก แม้จะไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมาย แต่ก็มีความน่ารัก อบอุ่น และแลดูเป็นกันเองดี

เราก็เดินเรื่อยๆ ไปตามถนนสายหลักของเมือง ไปเจอกับร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ กับที่ว่าการเมือง ที่ด้านล่างมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้วย แสดงให้เห็นว่าเมืองนี้แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน เพราะเมืองนี้มีไร่องุ่นอยู่ล้อมรอบ สินค้าหลักของเมืองก็คือไวน์องุ่น และแน่นอนค่ะว่าคนที่นิยมดื่นไวน์จะต้องไม่พลาดมาชมเมืองและมาชิมไวน์ของที่นี่ และตรงบริเวณนี้ก็มีเสียงคุยกันที่ค่อนข้างดังก้องของเหล่าผู้คนที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่ เพราะตรงนี้มันมีลักษณธคล้ายๆ กับเป็นเวิ้ง แต่ก็ไม่ได้แลดูเป็นที่น่าลำคาญนะคะ ตรงกันข้ามเสียอีก รู้สึกสนุกสนานกับการมีแขกมาเยี่ยมบ้านเยี่ยมเมือง อันนำมาซึ่งรายได้ของชาวเมืองนั่นเอง

เมืองนี้มีร้านอาหารอยู่หลายร้านเลยค่ะ หลากหลายร้านและหลายบรรยากาศตามแต่ชอบใจ ชอบบรรยากาศหรือเมนูอาหารร้านไหนก็แวะร้านนั้น นอกจากนี้แล้วก็มีที่พัก ร้านจำหน่ายไวน์โดยเฉพาะด้วยนะคะ มีไวน์ให้เลือกหลายประเภทอยู่เหมือนกันค่ะ คิดเองนะคะว่ารายได้หลักๆ ของเมืองนี้น่าจะมาจากการท่องเที่ยว และการมีสินค้าหลัก คือ ไวน์ เพราะเมืองที่รายล้อมด้วยไร่องุ่นส่วนใหญ่แล้วเศรษฐกิจของเมืองก็มาจากการจำหน่ายไวน์ โดยที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาจับจ่ายกันถึงที่ และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เมืองนี้ถูกตกแต่งให้มีความงดงามน่ารักนั่นเองค่ะ ก็ถ้าเมืองไม่สวย คนจะอยากมาเที่ยวได้อย่างไรกัน จริงมั้ยล่ะ?

แต่ละเมืองที่ไปมาก็มักจะมีรูปปั้นหรืออนุเสาวรีย์ของบุคคลสำคัญตั้งอยู่ในจุดกลางเมือง ที่เมืองนี้ก็มีเช่นกันค่ะ อยู่หน้าตึกตรงทางแยกอย่างนี้เลย แต่ว่าต้องขออภัยด้วยนะคะที่ไม่อาจเล่าให้เพือนๆฟังได้ว่าคนในรูปปั้นนั้นเป็นใคร

ด้านล่างของรูปปั้นก็มีรายชื่อของคนจำนวนมากอยู่ด้วยค่ะ มองดูคร่าวๆ คล้ายกับเป็นรายชื่อของทหารในยุคสงครามโลกครั้งใดครั้งหนึ่งเลย เพราะเคยเห็นแผ่นป้ายรายชื่อแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นรายชื่อของทหารที่เสียชีวิตในบริเวณนั้นๆ อันนี้เป็นการคาดเดานะคะ เดี่ยวจะต้องทำการบ้านโดยไปสอบถามผู้รู้ว่าจริงๆ แล้วป้ายรายชื่อนั้นเป็นอะไรกันแน่

เดินผ่านร้านอาหาร ร้านไวน์ และร้านไอศครีมมาพอสมควรแล้ว ก็เลยคิดว่าหยุดหาอะไรทานที่ร้านนี้ล่ะ บรรยากาศดี คนไม่พลุกพล่าน ไม่เสียงดัง และมีความเป็นส่วนตัวดี แอบแปะลิ้งค์ของที่ร้านไว้ให้ เพราะที่นี่มีไวนืจำหน่ายด้วย เผื่อมีใครสนใจค่ะ แวะไปชมกันได้ที่ลิ้งค์นี้เลย http://www.aloisiushof.de

เป็นร้านที่ตกแต่งด้วยสีเขียวๆ แลดูเป็นธรรมชาติสบายตาดีนะ แต่ว่าภายนอกร้านไม่มีลูกค้านั่งอยู่เลย ต่างจากหลายๆ ร้านที่ผ่านมา เพราะว่าร้านนี้ไม่ได้จำหน่ายอาหารค่ะ เป็นแต่เพียงร้านจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมหวาน และเวลานี้ก็เป็นเวลาอาหารเย็นแล้วด้วย ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ นั่งกันอยู่ที่ร้านอาหารซะหมดแล้ว และอีกอย่างนึงคือ คนที่นี่ชอบนั่งกันกลางแจ้งค่ะ ตากแดดอ่อนๆ เพราะถึงแม้ว่าช่วงนี้จะเป็นหน้าร้อนก็จริง แต่บางวันก็ฝนตกแดดไม่ออก มืดครึ้มทั้งวัน ทำให้คนที่นี่รักแสงแดด และชอบนั่งทานอาหารหรือว่านั่งเล่นกันท่ามกลางแสงแดดซะมากกว่านั่นเอง

ที่เราสั่งมาทานก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นเค้กแอปเปิ้ลร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับครีม และไอศครีมหนึ่งลูก ไกด์ส่วนตัวบอกว่าเมื่อก่อนเขาทำเค้กแอปเปิ้ลให้เย็น เสิร์ฟคู่กับไอศรีมร้อน แต่คนไม่ค่อยชอบกันเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นอย่างปัจจุบันแทน

กลิ่นมันก็จะหอมๆ แบบแอปเปิ้ลๆ ค่ะ ทานกับไอศรีมรสวานิลลาและครีมก็เข้ากันดี อร่อยนะ โดยส่วนตัวแล้วชอบค่ะ ถ้าเพื่อนๆ มาเที่ยวยุโรปและเจอเมนูนี้อยู่ในรายการอาหารว่างแล้วล่ะก็ ลองสั่งมาทานดูนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ด้วยคุณภาพความอร่อยและราคาแล้ว ถือว่าโอเคมากๆ เซ็ทที่สั่งไปนั้น ราคา 3.90 € ค่ะ คืิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 150 บาท ส่วนกาแฟที่วางอยู่ข้างๆ นั่น ราคาจ่ายแยกต่างหากนะคะ ราคานี้แค่เพียงเค้กกับไอศครีมค่ะ

หลังจากทานของว่างเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเล่นชมเมืองอีกหน่อยนึง ก่อนจะตรงไปที่รถเพื่อกลับบ้านค่ะ เพราะว่าบ้านเรานั้นอยู่อีกรัฐนึง วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไม่อยากกลับถึงบ้านดึก ระหว่างที่เดินเล่นในเมืองอยู่นั้น เราก็เจอเจ้าเครื่องมือที่ชาวบ้านเค้าใช้สำหรับทำไวน์ในสมัยก่อนค่ะ ใหญ่โตมากและทำมาจากไม้ คงเหมือนกันกับบ้านเราสมัยก่อนที่มีครกไม้กับสากอันใหญ่ๆ ไว้สำหรับตำข้าวเปลือก แต่ทุกวันนี้วิวัฒนาการมันเปลี่ยนไป เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในสมัยเก่าโบราณกลายเป็นของอนุรักษ์ไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ชมกัน เอ๊ะ! พูดเป็นคนแก่เลยเรา

วันนี้ลากันไปก่อนนะคะ แล้ววันหลังจะมาเล่าเรื่องราวรายทางระหว่างเดินทางท่องเที่ยวให้เพื่อนๆ ได้เก็บเป็นข้อมูลเอาไว้เผื่ออยากจะไปเที่ยวกันเอง ขอบคุณที่แวะมาชมค่ะ

ติดตามการเดินทางของเราได้ที่ https://www.facebook.com/alifesdiary/ ค่ะ

2 thoughts on “St. Martin เมืองเล็กๆ แต่ทว่าน่ารักในรัฐ Rheinland-Pfalz

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *